รายงานตัวเลขยอดค้าปลีกและดัชนีวัดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยมหาลัยมิชิแกนถือเป็นข่าวที่สำคัญที่สุดของดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์นี้สิ่งที่นักลงทุนฝั่งสหรัฐฯ ต้องการมากที่สุดมาตั้งแต่วันจันทร์แล้วคือข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับการพูดคุยถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจสหรัฐฯ ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อและดอกเบี้ยแทบไม่มีนักลงทุนคนไหนสนใจและมีผลกระทบต่อตลาดน้อยมากเนื่องจากเฟดยังคงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ใกล้กับ 0% และไม่มีท่าทีที่จะเปลี่ยนนโยบายนี้ในเร็ววัน การพูดคุยกันระหว่างนางแนนซี่ เปโลซี่ประธานสภาผู้แทนราษฎรและรัฐมนตรีกระทรวงการคลังนายสตีฟ มนูชินจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ที่มีนัยสำคัญ อ้างอิงคำพูดของนางแนนซี่เธอกล่าวว่าการเจรจาระหว่างพรรคเดโมแครตและฝ่ายรัฐบาลยังอยู่ห่างไกลจากคำว่า “ได้ข้อสรุปร่วมกัน” อยู่มาก จากความกังวลในเรื่องนี้สะท้อนออกมาในตลาดลงทุนด้วยการที่ดอลลาร์สหรัฐไม่ปรับตัวขึ้นแม้ว่าตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะออกมาน้อยกว่า 1 ล้านคนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่โควิดเริ่มระบาดและในวันนี้เราอาจจะได้เห็นความกังวลนั้นสะท้อนออกมาในตัวเลขยอดค้าปลีกอีก

สำหรับตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ที่จะรายงานในวันนี้นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าอัตราการเติบโตจะชะลอตัวลงเพราะตัวเลขของเดือนมิถุนายนลดลงจาก 7.5% ซึ่งในวันนี้พวกเขาคาดว่าตัวเลขที่ออกมาจะเติบโตขึ้นเพียง 2% เท่านั้น หากไม่นับกลุ่มยานยนต์และพลังงานเชื้อเพลิงแล้วความต้องการของผู้บริโภคในสินค้าหมวดอื่นๆ น่าจะเบาบางลง อย่างไรก็ตามรายงานจาก Redbook กลับมองว่าตัวเลขยอดค้าปลีกในวันนี้จะสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ไปได้เพราะตัวเลขการเติบโตของค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยเติบโตขึ้นและตัวเลขการบริโภคและราคาพลังงานเชื้อเพลิงก็สามารถเพิ่มขึ้นได้เป็นอย่างดีมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว ส่วนตัวเลขการจับจ่ายใช้สอย Redbook คาดว่าจะมีตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 2.5%-4% เท่านั้นซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยกว่าของเดือนมิถุนายนแต่มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ สรุปแล้วถ้าตัวเลขยอดค้าปลีกจะทำให้ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวสูงขึ้นได้ ตัวเลขที่ออกมาจะต้องสูงกว่า 6% ขึ้นไป แต่อย่าคาดหวังว่าขาขึ้นจากรายงานตัวเลขนี้จะอยู่ได้นานเพราะดอลลาร์ยังคงมีเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่ 2 และเงินเยียวยาคนว่างงานที่หมดอายุไปแล้วเป็นปัจจัยกดให้สกุลเงินอ่อนมูลค่าลง

เมื่อวันพุธที่ผ่านมากระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ได้เผยแพร่ข้อมูลวิธีการยื่นขอรับเงินเยียวยาผู้ตกงานตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามไปก่อนหน้านี้ชาวอเมริกันผู้สิทธิ์รับเงินก้อนนี้จะได้รับเงินช่วยเหลือสัปดาห์ละ $300 และอาจจะได้อีก $100 ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละรัฐ แม้ว่าจะได้เงินก้อนนี้มาช่วยแต่สำหรับบางครอบครัวเงินก้อนนี้ก็ยังไม่พอที่จะทำให้พวกเขาหายใจได้อย่างสะดวกเหมือนแต่ก่อนอยู่ดีซึ่งแน่นอนว่าต้องกระทบต่อตัวเลขการจับจ่ายใช้สอยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้นักลงทุนจับตาดูกราฟUSD/JPYในวันนี้เอาไว้ให้ดี กราฟมีแนวต้าน 107 เป็นแนวต้านสำคัญและหากว่ากราฟสามารถขึ้นยืนเหนือ 107 ได้ก่อนปิดตลาดลงทุนสัปดาห์นี้แปลว่าข้อมูลตัวเลขทางฝั่งสหรัฐฯ ดีขึ้น

ข้อมูลตัวเลขผลผลิตในภาคอุตสาหกรรมของจีนที่ออกมาเท่ากับตัวเลขในครั้งที่แล้วและตัวเลขยอดค้าปลีกที่ต่ำกว่าตัวเลขของครั้งที่แล้วส่งผลให้กราฟออสเตรเลียดอลลาร์ไม่มีความเคลื่อนไหวที่มีนัยสำคัญช่วงนี้กราฟออสเตรเลียดอลลาร์เทียบดอลลาร์สหรัฐไม่คึกคักเหมือนแต่ก่อนแม้ว่าจะมีตัวเลขตำแหน่งงานเปิดใหม่ทั้งงานเต็มเวลาและไม่เต็มเวลาเพิ่มขึ้น 110,000 ตำแหน่งในเดือนที่แล้วก็ตาม อันที่จริงแล้วตัวเลขของเดือนกรกฎาคมนั้นดีกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ที่ 30,000 ตำแหน่งและช่วยเพิ่มอัตราการหางานของคนขึ้นจาก 64% เป็น 64.7% สาเหตุหลักที่ทำให้กราฟ AUD/USD เป็นใบ้กับข่าวดีที่ออกมาเพราะนักลงทุนเป็นกังวลเรื่องการระบาดของโควิด-19 ในรัฐวิคตอเรียรอบที่ 2 ที่อาจส่งผลให้อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นอีกและล่าสุดรัฐวิคตอเรียเพิ่มความเข้มข้นของมาตรการขึ้นเป็นขั้นที่ 4 แล้ว

ในขณะเดียวกันสกุลเงินนิวซีแลนด์ดอลลาร์ร่วงลงอย่างรวดเร็วจากการแสดงความเห็นเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจโดยธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ)ก่อนหน้านี้ในการประชุมของ RBNZ เมื่อวันพุธพวกเขาได้พูดถึงการเพิ่มวงเงินเพื่อซื้ิอสินทรัพย์เพิ่มซึ่งรวมไปถึงความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมและอาจปรับอัตราดอกเบี้ยลงมาเป็นลบ เมื่อวานนี้นาย Geoff Bascand รองผู้ว่าการธนาคารกลางนิวซีแลนด์กล่าวว่า RBNZ อาจจะผ่อนมาตรการทางเงินลงอีกในขณะที่หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ RBNZ นาย Yuong Ha กล่าวว่าถ้า NDZ อ่อนมูลค่าลงถึงขั้นนั้น RBNZ ก็อาจจะต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ

หลังจากที่ทำสถิติไม่มีผู้ติดเชื้อนานถึง 100 วันตอนนี้นิวซีแลนด์พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่ 14 รายทำให้ตอนนี้มียอดผู้ติดเชื้อรวม 17 รายและเมืองโอ๊คแลนด์ยังคงอยู่ในสถานะล๊อคดาวน์ นางจาซินดา อาร์เดิร์นนายกรัฐมนตรีของนิวซีแลนด์กล่าวว่ารัฐบาลจะต้องรีบควบคุมและปราบปรามโควิด-19 ที่พึ่งเกิดขึ้นใหม่ให้ได้เร็วที่สุดซึ่งอาจรวมไปถึงการตัดสินใจเพิ่มมาตรการล๊อคดาวน์บางอย่างเพิ่มเติม นอกเหนือจากสกุลเงินที่ถูกกล่าวถึงในบทความนี้ยูโรปอนด์และแคนาดาดอลลาร์ล้วนแล้วแต่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ

แนะนำโพสต์

การย่อลงของกราฟ EUR/JPY บอกอะไรกับตลาดลงทุน?

แม้ว่าสัปดาห์นี้จะเปิดตลาดมาด้วยการปิดบวกของตลาดหุ้นแต่แรงขาขึ้นนั้นกลับไม่ได้ช่วยส่งเสริมแต่อย่างใดให้กับตลาดสกุลเงินเลยดัชนีดาวโจนส์อยู่ในขาขึ้นมาเป็นวันที่ 7 ติดต่อกันแล้วในขณะที่สกุลเงินส่วนใหญ่ที่จับคู่กับเยนอย่างเช่นUSD/JPYกลับไม่สามารถปรับตัวลดลงไปต่ำกว่าเดิมได้ ในช่วงเปิดตลาดนิวยอร์กเมื่อวานนี้กราฟ USD/JPY มีราคาเทรดอยู่ที่ 106.20 และไม่สามารถวิ่งลงไปต่ำกว่า 106.00 ได้จนถึงปัจจุบัน

กราฟเด่นประจำวัน: ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ เตรียมสร้างขาลงต่อ

ในปี 2017 เราเคยเขียนบทความออกมาเป็นชุดๆ ที่ว่าถึงเรื่องการผลักดันสกุลเงินหยวนของจีนให้มีอำนาจต่อรองขึ้นมาเทียบเท่ากับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ปัจจุบันเป็นสกุลเงินสำรองอันดับหนึ่งของโลกผ่านการเอาสกุลเงินหยวนไปผูกไว้กับตลาดซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าโดยหวังว่าการซื้อน้ำมันของทวีปเอเชียจะต้องซื้อขายกันด้วยสกุลเงินหยวนและในที่สุดจีนก็จะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้มีอำนาจต่อรองได้