ผลตอบแทนจากพันธบัตรในช่วงนี้ยังคงลดลง โดยปรับตัวลดลงภายในชั่วข้ามคืนไปอยู่ที่ต่ำกว่า 2.3 ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา โดยมีสาเหตุมาจากการที่นักลงทุนต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงมากขึ้น

ผลตอบแทนในปัจจุบันมีค่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนตุลาคม 2017 เป็นต้นมา ทำให้นักลงทุนคาดว่าจะเกิดการซื้อขายพันธบัตรตามมาอีกหลายระลอกแต่ผลตอบแทนก็จะยังคงต่ำอยู่ นักลงทุนยังคงจับตาข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจที่กำลังจะประกาศออกมา ซึ่งรวมถึงบ้านรอการขายที่มีกำหนดประกาศในสัปดาห์นี้ ตัวเลขดัชนี PMI ด้านอุตสาหกรรมการผลิตและด้านที่ไม่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการผลิตรวมทั้งอัตราการว่างงานและจำนวนการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่จะประกาศออกมาในสัปดาห์หน้า การที่ผลตอบแทนพันธบัตรมีค่าลดลงอาจทำให้ตัวเลขในรายงานดังกล่าวแย่ลงได้เช่นเดียวกัน

 

กราฟประจำวัน: ผลตอบแทนที่ลดลงและการกลับตัวของกราฟ-1
Yield Inversion Chart

นอกจากนี้ ผลตอบแทนพันธบัตรในรุ่นอายุ10 ปีซึ่งอยู่ที่2.285 มีค่าต่ำกว่าพันธบัตรรุ่นอายุ3 เดือนซึ่งอยู่ที่ 2.373 เรามักจะเห็นผลตอบแทนที่มีลักษณะพลิกผันเช่นนี้เมื่อเริ่มมีสัญญาณว่าจะเกิดภาวะถดถอยเกิดขึ้นได้ในเร็ววันนี้

นายแกรี ชิลลิง นักเศรษฐศาสตร์ซึ่งเคยมีประสบการณ์ในการพยากรณ์สภาวะการถดถอยมาก่อนกล่าวในเดือนกุมภาพันธ์ว่ามีโอกาสที่จะเกิดภาวะการถดถอยได้ประมาณ 2 ใน 3 เขาเสริมว่า ในเดือนมีนาคมมีสัญญาณว่าจะเกิดการถดถอย สูงขึ้น และในเดือนเมษายนเขามั่นใจว่าจะเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน

ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ยังคงถกเถียงกันในผลพยากรณ์ เราหันกลับมามองว่าจะหาโอกาสเพื่อจะทำการซื้อขายต่อไปอย่างไรดี ผลตอบแทนพันธบัตรในสัปดาห์ที่ผ่านมาทำสถิติต่ำสุดในเส้นแนวโน้มขาลงระยะกลาง และดูเหมือนว่าจะยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง

นักลงทุนอาจพิจารณาลงทุนในช่วงตลาดขาลงกับ ETF (NASDAQ:DTYS)พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ รุ่นอายุ 10 ปีของ iPathที่มีความเสี่ยงผกผันกันกับสัญญาซื้อขายล่วงหน้าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ รุ่นอายุ 10 ปีของ Barclays ที่เน้นเป้าหมายไปที่ความเสี่ยงของดัชนี (NASDAQ:DTYL)

 

กราฟประจำวัน: ผลตอบแทนที่ลดลงและการกลับตัวของกราฟ-2
iPath 10-Year

จากกราฟจะเห็นว่า ETF ปรับตัวลดลงไปต่ำกว่าเดิมภายใต้เส้นแนวโน้มขาลง หลังจากที่ทดสอบเส้น 200 DMA แล้วก็ยังลดลงต่อไปอีก ซึ่งก่อนหน้านั้น ETF ปรับตัวลงต่ำกว่าเส้นแนวโน้มขาขึ้นของเดือนกรกฎาคม 2016 ในขณะที่ทำรูปแบบสามเหลี่ยมสมมาตรได้ จึงทำให้เห็นว่าตลาดจะยังเป็นแนวโน้มขาลง โดยเฉพาะเมื่อราคาทะลุแนวรับลงมาแสดงว่าอุปทานมีมากกว่าอุปสงค์ แล้วจะวิ่งตามเส้นแนวโน้มขาลงต่อไป

เส้น RSI กำลังพัฒนาไปเป็นรูปแบบ H&S ต่อเนื่อง

กลยุทธ์การซื้อขาย

นักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยงควรรอให้เกิดจุดกลับที่ระดับ 18.88 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในการกลับตัว จากนั้นรอให้มีสัญญาณว่าเกิดแนวต้านด้วยการสังเกตแท่งเทียนยาวสีแดงตามหลังแท่งสีเขียวหรือแท่งเล็กๆ สีใดก็ได้

นักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ปานกลางอาจพิจารณาเข้าเมื่อมีการกลับตัวไปยังเส้นแนวโน้มขาลงที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางเดือนตุลาคม 2018 ที่ประมาณ 17.00

นักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้สูงอาจทำการขาย short ได้ทันที โดยพิจารณาจากแผนการลงทุนที่เหมาะสมกับตนเองอย่างระมัดระวัง

ตัวอย่างการซื้อขาย

  • ราคาเข้า: 17.00
  • Stop-Loss: 17.25
  • ความเสี่ยง: 0.25
  • เป้าหมาย: 16.00 เหนือแนวรับต่ำสุดของวันพฤหัสบดี
  • ผลตอบแทน: 1.00
  • อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:4
 
แนะนำโพสต์

ดอกเบี้ยพันธบัตรลดลงส่งสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัว แล้วตลาดหุ้นจะไปในทิศเดียวกันไหม?

อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรุ่นอายุ10 ปีวันนี้ลดลงไปต่ำกว่าระดับสำคัญที่ 2% เนื่องจากนักลงทุนกำลังหาที่พึ่งพิงอันเนื่องมาจากความกังวลว่าจะเกิดการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ แล้วเหตุใดดัชนี S&P 500จึงสามารถปรับตัวขึ้นทำลายสถิติได้อย่างต่อเนื่อง?

มองหลายมุม Inverted Yield Curve ส่วนต่างผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ

ผู้ลงทุนต่างยังคงว้าวุ่นใจเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แม้ว่าความแตกตื่นที่ทำให้ตลาดหุ้นดิ่งลงเมื่อวันศุกร์จะคลี่คลายลงไปบ้างแล้วก็ตาม ตลาดหุ้นมีราคาปิดหลายทิศทางอันเนื่องมาจากภาวะลาดลงของส่วนต่างผลตอบแทนระหว่างพันธบัตร (Inverted Yield Curve)แบบสามเดือนและแบบอายุสิบปีที่มีช่วงกว้างเพิ่มขึ้นถึง 5 หน่วย